ประกัน การเดินทาง รายปี กับ รายเที่ยว เลือกใช้ยังไงให้คุ้ม
ทำไมจึงต้องมี ประกันการเดินทาง ก็เพราะว่า ‘ชีวิตตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน’ ไม่ว่าจะวันไหน เวลาไหน ที่ไหน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และยิ่งเราอยู่ในสถานที่ สถานการณ์ หรือการเดินทางที่เราไม่คุ้นเคย อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตอย่างมีสติอยู่เสมอ สิ่งที่ทำได้ คือ การวางแผนล่วงหน้าเพื่อหาวิธีป้องกันและรับมือกับความไม่แน่นอนเหล่านั้น ‘ประกันการเดินทาง’ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับนักเดินทางที่จะคอยช่วยเหลือรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างดี ในสมัยนี้ประกันเดินทางมีรูปแบบความคุ้มครองที่หลากหลายให้นักเดินทางเลือกสรรได้ตรงตามรูปแบบการเดินทางกันมากขึ้น แต่ในวันนี้สิ่งที่เราจะมาพูดถึงหลักๆก็คือ แผน ประกัน การเดินทาง รายปี และ รายเที่ยว
ประกันการเดินทางต่างประเทศ ประกันประเภทนี้คือแผนประกันที่คุ้มครองผู้เอาประกันขณะที่เดินทางไปยังต่างประเทศ โดยความคุ้มครองจะเริ่มตั้งแต่เราก้าวเท้าออกจากบ้าน ลอยอยู่บนน่านฟ้า รวมถึงช่วงเวลาที่ผู้เอาประกันกำลังเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในต่างประเทศ จนกระทั่งกลับถึงบ้าน ซึ่งประกันการเดินทางนั้นจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมเรื่องต่างๆ เช่น อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล เที่ยวบินล่าช้า การยกเลิกการเดินทาง กระเป๋าเดินทางเสียหาย และการโจรกรรม หรือแม้กระทั่งการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น สำหรับใครหลายๆคนที่อ่านมาถึงช่วงนี้อาจเกิดคำถามในใจว่า ‘เราจำเป็นจะต้องเสียเงินให้กับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นด้วยหรือ?’ คำตอบนั้นคือ ไม่อยากให้ทุกคนต้องเจอด้วยตัวเองก่อนเห็นความสำคัญ เพราะว่า มีไว้ใช้คงดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มีนะครับ
เค้าว่ากันว่า “เลือกประกันให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต” หากเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ดีก็เหมือนมีดาบสองคม ในวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันระหว่าง ประกันการเดินทาง รายปี และรายเที่ยว ว่าเลือกใช้ยังไงให้คุ้ม แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าความคุ้มค่าในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเงินเพียงเท่านั้น แต่จะต้องครอบคลุมทุกช่วงเวลาของการเดินทาง ทุกย่างก้าว สะดวก และรวดเร็วในการให้บริการ
การเลือกซื้อประกันมีหลักการที่ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ให้คิดเอาไว้เลยว่าถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วเราจะต้องรับมือกับมันให้ได้ ดังนั้น เมื่อจะตัดสินใจซื้อประกันให้มองเพียงแค่ว่าเราเสียอะไรไป และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคตเราจะได้อะไรกลับมาสำหรับในแง่ของความแตกต่างระหว่าง ประกัน การเดินทาง รายปี และ รายเที่ยว นั้นความคุ้มครองครอบคลุมก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ต่างกันตามบริษัทประกันผู้ให้บริการ และราคา สำหรับสิ่งที่ทำให้ประกันการเดินทาง รายปี แตกต่างจากแบบรายเที่ยวที่เห็นได้ชัดที่สุดจะเป็นเรื่อง ‘ระยะเวลาความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งปี’ ‘ไม่ต้องสมัครรายครั้ง’ ‘จำนวนครั้งในการให้ความคุ้มครองที่ไม่จำกัด’และ‘ความคุ้มครองที่มักสูงกว่า’ ส่วนอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่าในการซื้อมากที่สุดก็คือ “บริการ โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆของแพ็คเกจ ประกัน การเดินทาง รายปี” ที่ถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการทำประกัน ซึ่งเราต้องเปรียบเทียบแล้วเลือกดูว่ารูปแบบการเดินทาง และแผนการเดินทางของเรานั้นเหมาะสมกับประกันประเภทใดมากที่สุด และประกันแบบไหนที่จะให้ผลประโยชน์กับเรามากที่สุด
สำหรับใครที่ยังเลือกไม่ได้ว่าควรซื้อประกันการเดินทางหรือไม่ ให้ตอบคำถามให้ครบทุกข้อ ดังนี้ครับ
กติกา : เลือกตอบแค่ ใช่ หรือ ไม่ โดยการนับคะแนนหากเลือก ‘ใช่’ จะได้ 1 คะแนน หากเลือก ‘ไม่’ จะได้ 0 คะแนน
- ในหนึ่งปีคุณวางแผนที่จะเดินทางไปต่างประเทศเกิน 2 ครั้งหรือไม่?
- มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินทำให้คุณต้องเดินทางไปต่างประเทศแบบไม่ได้วางแผนไว้หรือไม่?
- คุณเป็นคนขี้ลืมหรือไม่?
- คุณเป็นคนที่ประมาทและไม่ระมัดระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยอยู่บ่อยๆหรือไม่?
- คุณกังวลถึงการโจรกรรมทรัพย์สินของคุณใช่หรือไม่?
- คุณกังวลถึงเหตุการณ์กระเป๋าเดินทางชำรุดระหว่างเดินทางที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายของสายการบิน?
- เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลท์บินดีเลย์คุณเสียดายเวลาหรือไม่?
- กรณีเกิดการเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ แต่คุณไม่ต้องสำรองเงินของตนเองเพื่อจ่ายค่ารักษาก่อนเป็นเรื่องดีหรือไม่?
- คุณต้องการได้รับเงินชดเชยหากเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรง จนทำให้ถึงแก่ชีวิต ทุพพลภาพถาวร หรือสูญเสียอวัยวะใช่หรือไม่?
- คุณต้องการได้รับเงินชดเชยรายวันในกรณีที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในต่างประเทศใช่หรือไม่?
ผลคะแนน : หากได้คะแนนมากกว่า 2 คะแนนขึ้นไป นั่นหมายความว่าคุณควรซื้อประกันเดินทางนะครับ
จากข้อคำถามทั้งหมดนั้นจะเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละข้อเป็นสิ่งที่เรารับมือได้ยากมากเมื่อเดินทางอยู่ในต่างประเทศ ดังนั้น หากคุณตอบว่า ‘ใช่’ มากกว่า 2 ข้อขึ้นไปนั่นหมายความว่าคุณควรมีประกัน การเดินทางครับ ถ้าคิดง่ายๆหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั่นแปลว่าเราจะมีแต่ เสีย แต่ถ้าเรามีประกัน การเดินทางไว้แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ เรายังจะ ได้คืนในบางส่วน นั่นเองครับ
ข้อแตกต่างระหว่างประกันการเดินทางแบบรายปี และแบบรายเที่ยว จากบริษัท Cigna
ผลประโยชน์ | ประกันการเดินทาง รายปี | ประกันการเดินทาง รายเที่ยว | |
เบี้ยประกัน (ที่ต้องชำระ) |
เอเชีย | เชงเก้น/ทั่วโลก | เพิ่มเบี้ยประกันตามจำนวนวัน และขึ้นอยู่กับโซนประเทศที่จะเดินทางไป |
Premier – 3,200 Business – 4,750 Prime – 7,500 |
Premier – 3,800 Business – 5,600 Prime – 8,800 |
||
จำนวนครั้งที่จ่ายค่าเบี้ย | ครั้งเดียว | ก่อนเดินทางทุกครั้ง | |
ระยะเวลาการคุ้มครอง | 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่เลือก+1ปี) | 1 เที่ยวเดินทาง | |
ประเทศที่คุ้มครอง | ทั่วเอเชีย / ประเทศเชงเก้น+ทั่วโลก | เฉพาะประเทศที่เลือกไว้เท่านั้น | |
วันเดินทางสูงสุด/เที่ยว | 30 วัน/เที่ยวเดินทาง | 90 วัน/เที่ยวเดินทาง | |
จำนวนเที่ยว | ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวใน 1 ปี | 1 เที่ยวเดินทาง | |
หมดอายุ | เมื่อสิ้นสุดกรมธรรม์ | เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองไทย | |
แผนประกันหลัก A : คุ้มครองการเจ็บป่วย อุบัติเหตุต่างๆ การเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร | |||
ประกันอุบัติเหตุ | สูงสุด 6 ล้านบาท | สูงสุด 5 ล้านบาท | |
ค่ารักษาพยาบาล | สูงสุด 6 ล้านบาท | สูงสุด 4 ล้านบาท | |
ค่าชดเชยรายวันเมื่อนอนรักษาตัว | สูงสุด 3,000 บาท/คืน | สูงสุด 2,500 บาท/คืน | |
การเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน | สูงสุด 5 ล้านบาท | สูงสุด 5 ล้านบาท | |
ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล | รวม | รวม | |
บริการข้อมูลก่อน และระหว่างเดินทาง | รวม | รวม | |
แผนประกันเสริม Flight Secure (B) : คุ้มครองเรื่องที่เกิดจากการเดินทาง ไฟลท์บินต่างๆ | |||
ได้รับชดเชยเมื่อไฟลท์ยกเลิก หรือเลื่อน | สูงสุด 30,000 บาท | สูงสุด 30,000 บาท | |
ไฟลท์ดีเลย์ติดต่อกัน 6 ชม. เป็นอย่างต่ำ | สูงสุด 3,500 บาท/6 ชั่วโมง | สูงสุด 4,000 บาท/6 ชั่วโมง | |
พลาดต่อเที่ยวบิน | สูงสุด 20,000 บาท | สูงสุด 60,000 บาท | |
ลดจำนวนวันเดินทาง / จี้เครื่องบิน | สูงสุด 60,000 บาท | สูงสุด 60,000 บาท | |
แผนประกันเสริม Property Safe (C) : คุ้มครองเรื่องทรัพย์สิน | |||
กระเป๋าเดินทางเสียหาย และทรัพย์สินถูกปล้น | สูงสุด 70,000 บาท | สูงสุด 50,000 บาท | |
กระเป๋าเดินทางเสียหาย และทรัพย์สินสูญจากภัยธรรมชาติ | รับเพิ่มสูงสุด 20,000 บาท | รับเพิ่มสูงสุด 20,000 บาท | |
กระเป๋าเดินทางล่าช้า | สูงสุด 50,000 บาท | สูงสุด 50,000 บาท | |
เงินสูญหาย | สูงสุด 3,000 บาท | สูงสุด 3,000 บาท | |
เอกสารเดินทางสูญหาย | สูงสุด 5,000 บาท | สูงสุด 5,000 บาท |
สรุป : สำหรับตารางด้านบนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกซื้อประกันการเดินทางแบบใด โดยข้อมูลแผนประกันในตารางนั้น คือตัวอย่างแผนประกันการเดินทางรายปี และรายเที่ยวจาก Cigna ที่ต้องเลือกบริษัทนี้ เพราะ เมื่อทำการเปรียบเทียบจากหลายบริษัทแล้วถือว่า Cigna ให้การบริการคุ้มครองได้ครบครันมากที่สุด และคุ้มค่าเงินมากที่สุดครับ อีกทั้งข้อดีที่สำคัญมากที่สุดคือเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในต่างประเทศทางบริษัทมีเบอร์โทรฉุกเฉินเพื่อจะเป็นผู้ประสานงานให้เราตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เงียบ ไม่หาย ติดต่อได้ 24 ชั่วโมง และที่สำคัญเข้าโรงพยาบาลทั่วโลก ‘ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองซักบาท’ ดังนั้น จากการเปรียบเทียบแผนประกันการเดินทางรายปี และรายเที่ยว เราจะมาวิเคราะห์ความคุ้มค่าเป็นกรณีตัวอย่างไปพร้อมๆกันครับ
ตัวอย่าง : สมมติว่าคุณจะเลือกซื้อประกันที่มีแผนคุ้มครองหลัก และเสริมแบบครบถ้วน และเป็นแผนระดับสูงที่สุดอย่างในตารางด้านบน แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อแผนประเทศเชงเก้น/ทั่วโลกแบบรายปี หรือ เลือกประเทศ และจำนวนวันจ่ายเป็นรายเที่ยว จึงจะคุ้มค่าที่สุด ซีน่าจึงวิเคราะห์ออกมาดังนี้
ประกันการเดินทางรายปี
เหมาะกับใคร : ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศมากกว่า 2 ครั้งใน 1 ปี
ข้อดี (เมื่อเทียบกับแบบรายเที่ยว)
- จ่ายครั้งเดียว คุ้มครอง 1 ปี ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มแล้ว
- ใน 1 ปี เดินทางเที่ยวได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- เงินทดแทนจากแผนคุ้มครองหลักได้มากกว่า
- ให้ความคุ้มครองครอบคลุมประเทศเชงเก้น และทั่วโลก
- เงินทดแทนกระเป๋าเสียหาย และการถูกปล้นจากแผน C ได้มากกว่า เพราะสนามบินมักทำกระเป๋าเดินทางพังบ่อยมาก
- เดินทางได้นานถึง 30 วัน/เที่ยว แต่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
- เหมาะสำหรับคนที่ขี้ลืม ไม่ต้องซื้อทุกครั้งที่เดินทาง
- ไปประเทศเชงเก้นต้องซื้อไว้สำหรับยื่นทำวีซ่า
ข้อเสีย (เมื่อเทียบกับแบบรายเที่ยว)
- เงินทดแทนจากแผน B ได้จำนวนน้อยกว่าแบบรายเที่ยว แต่เมื่อคำนวณว่าหากเดินทางหลายรอบใน 1 ปีแล้วก็ยังคงคุ้มค่ากว่าแบบรายเที่ยว
หากเดินทางน้อยกว่าปีละ 2 ครั้งจะไม่คุ้มค่า
ประกันการเดินทางรายเที่ยว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศน้อยกว่า 2 ครั้งใน 1 ปี
ข้อดี (เมื่อเทียบกับแบบรายปี)
- จ่ายน้อยกว่าเฉพาะในกรณีที่ เดินทางจำนวนวันน้อย เดินทางไปประเทศเดียว
- เงินทดแทนจากแผน B ได้จำนวนมากกว่าแบบรายปี
ข้อเสีย (เมื่อเทียบกับแบบรายปี)
- คุ้มครองแค่ 1 เที่ยวเดินทาง ประกันหมดอายุทันทีเมื่อจบทริป หรือเดินทางกลับถึงเมืองไทย
- เมื่อจะต้องเดินทางอีกรอบก็จะต้องซื้อประกันใหม่ ถ้าต้องซื้อใหม่ 2 รอบขึ้นไปจะไม่คุ้มค่า คำนวณแล้วราคาจะพอๆกับราคาประกันแบบรายปี ดังนั้น ซื้อแบบรายปีคุ้มค่ากว่า
- เกิดกรณีลืมซื้อประกันได้ง่ายมาก
เมื่อผลวิเคราะห์ข้อดี และข้อเสียออกมาแล้วพบว่าข้อดีของแผนประกันท่องเที่ยวแบบรายปีมีมากกว่า จากนั้นก็ต้องนำมาชั่งน้ำหนักดูว่าประกันการเดินทางแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุดในตอนนี้
สถานการณ์จำลอง : คุณวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหยุดยาวแค่ครั้งเดียวในปีนี้ ดังนั้น จึงคิดว่าถ้าเลือกซื้อประกันแบบรายเที่ยวอาจจะคุ้มค่ามากกว่า
แต่ในระหว่างปีอาจมีเหตุการณ์แทรกแซงขึ้น เช่น
- คุณเป็นพนักงานบริษัทใหญ่ ดังนั้น อาจต้องบินไปพบลูกค้าที่ต่างประเทศอย่างน้อย 2 ครั้งใน 1 ปี ดังนั้น ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ประกันการเดินทางแบบรายปีคุ้มค่ามากกว่า
- คุณเป็นคนที่ชอบเดินทางจึงมักชอบซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวในราคาถูกเสมอ ทำให้อาจได้ไปท่องเที่ยวมากกว่า 1 ครั้ง
- คุณมีญาติสนิทอยู่ที่ต่างประเทศ อาจต้องมีการบินไปเยี่ยมเยือน พบปะบ้าง
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าถ้าเลือกซื้อประกันการเดินทางแบบรายปีเอาไว้ ก็ยังคุ้มค่ากว่าซื้อแบบรายเที่ยว
ส่วนต่อมาที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยตัดสินใจ คือ บริการ โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ
บริการ โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ – ในเมื่อเราทำประกันเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ อยู่แล้ว
แต่การที่เราได้รับการบริการที่ดีมีมาตรฐาน เช่น การบริการตลอด 24 ชม. สถานพยาบาลในเครือข่าย การคืนเงิน เป็นต้น หรือ แม้กระทั่งสิทธิ์พิเศษไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นหรือของสมนาคุณจากทางบริษัทประกันนั้นๆ ด้วย ก็คงคุ้มค่ายิ่งขึ้นกับการเลือกทำประกัน โดยส่วนมากการที่เราจะได้รับสิทธิ์พิเศษดีๆ นั้นมักจะมาจากเบี้ยประกันที่มากหรือสะสมมาเรื่อยๆ ซึ่งทำให้แผนประกันการเดินทางแบบรายปีนั้นมักจะมีอะไรดีๆแถมมาให้อีกมากมาย
ตัวอย่างโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษที่ได้รับจากการทำประกันกับ Cigna 18 – 30 กันยายน 2561
- ซื้อค่าเบี้ยทุกๆ 400 บาท ได้รับ Starbucks e-coupon หรือ Central Voucher 100 บาท เมื่อครบ 2,000 รับ Power Bank 10,000 mAh (ประกันการเดินทางแบบรายเที่ยว)
- ซื้อแผน 1 และ 2 ได้รับ รับบัตรเงินสดเติมน้ำมัน PTT มูลค่า 500 และ 1,000 ตามลำดับ
ซื้อแผน 3 รับสิทธิบริการลิมูซีนรับ-ส่งสนามบิน (ประกันการเดินทางแบบรายปี)
สรุปการเลือกประกันการเดินทางแบบรายปี กับ แบบรายเที่ยว ให้คุ้มค่า
ประกันการเดินทางรายปี เหมาะสำหรับคนที่มีธุรกิจ ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ หรือ พนักงานบริษัทที่เที่ยวบ่อยแต่ลาไม่ยาวมาก เดินทางครั้งหนึ่งประมาณ 5 – 7 วัน ต่อ ทริป ทั้งใน เอเชีย ยุโรป หรือ อเมริกา และจะต้องไม่เกิน 30 วัน / 1 ทริปการเดินทาง เพราะเบี้ยประกันรายเที่ยวประมาณ 5 – 7 วัน จะตกอยู่ราว ๆ 600 – 1,000 บาท ซึ่งถ้ามีทริปอื่น ๆ อีก 1-2 ทริป ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะซื้อประกันการเดินทางแบบรายปีแล้ว
ประกันการเดินทางแบบรายเที่ยว เหมาะสำหรับการเดินทางไม่เกิน 2 เที่ยวใน 1 ปี เช่น การเยี่ยมญาติ การจัดทริปไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ คณะทัวร์ หรือการตะลอนเที่ยวแบบรวดเดียว เพราะว่าเมื่อเริ่มเดินทางแล้วหากกลับมาที่ประเทศไทยเท่ากับว่าสิ้นสุดการคุ้มครอง สำหรับสายประหยัดไม่ค่อยได้เดินทางแบบนี้คุ้มแน่นอน
ตัวอย่าง ข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเลือกประกันการเดินทาง สุดท้าย ไม่ว่าประกันการเดินทาง จะเป็นแบบประกันการเดินทางรายปี หรือรายเที่ยวนั้น ก็ต้องเลือกตามความเหมาะสมอื่น ๆ ด้วย เช่น วันและเวลาการเดินทาง ตลอดไปจนถึง ประเทศ , บุคคลที่เดินทาง , โรคติดต่อ รวมไปถึงความเสี่ยงอื่น ๆ ตลอดจนกระทั่งสายการบิน ภัยพิบัติ อื่น ๆ อีกด้วย การเลือกซื้อแผนประกันการเดินทาง จึงควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับการเดินทาง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นเบี้ยประกันจะกลายเป็นเงินที่คอยช่วยเหลือเราไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยต่าง ๆ ซึ่งมูลค่าที่ได้รับการชดเชยนั้นมีมูลค่ามากกว่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปอย่างแน่นอน